สำนักพิมพ์: stock2morrow
เขียน: หมู – วรวุฒิ อุ่นใจ
สำหรับฝ่ายจัดซื้อหรือประสานงานประจำบริษัท “แคตตาล็อกออฟฟิศเมท” คงเป็นที่รู้จัก และเป็นขวัญใจของพวกเขา เพราะช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้กับการจับจ่ายอุปกรณ์ประจำสำนักงาน
ที่สำคัญ แคตตาล็อกดังกล่าวเป็นการพลิกเกมธุรกิจอันเป็นเดิมพันครั้งใหญ่ในชีวิตของคุณหมู – วรวุฒิ อุ่นใจ เพราะต้องลงทุนครั้งใหญ่ในราคาเป็นหลักล้าน ในปี 2542 ซึ่งเศรษฐกิจไทยกำลังระส่ำระสายไปวิกฤติการณ์เศรษฐกิจครั้งใหญ่ของโลก อันเริ่มต้นจากประเทศไทยที่ต่างขนานนามกันว่า “วิกฤติต้มยำกุ้ง” นั่นเอง พูดง่าย ๆ ว่าช่วงนั้นใครต่อใครถอย เก็บเงินไว้ แต่เขาเดินหน้าสู้
“ผมตั้งใจวัดดวงกันไปเลย ให้เป็นการรุกครั้งสุดท้ายของผม คือถ้าไม่ได้ผล ผมก็ตาย บริษัทเจ๊งแน่นอน” (น.87)
“ชีวิต (ไม่) หมู: จาก SME ห้องแถวสู่ธุรกิจหมื่นล้าน” จึงเป็นบันทึกชีวิตของคุณหมู ในฐานะนักธุรกิจคนไทยเชื้อสายจีนที่เริ่มต้นจากห้องแถว ที่จวนเจียนร่อแร่อยู่ร่วมร่อ แต่กลับก้าวมามีกำไร เริ่มจากหลักล้าน สิบล้าน ร้อยล้าน และพันล้านบาท จนกลายเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้สำเร็จ
ภายในหนังสือ 248 หน้า ราคา 295 บาท ซึ่งจัดพิมพ์ครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคม 2564 ที่ร้านหนังสือทั่วไปจัดวางไว้ในชั้นเกี่ยวกับบริหารธุรกิจ หรือชีวประวัติบุคคล ได้ลำดับเรื่องราวไว้ให้อ่านได้อย่างง่าย ๆ ไล่เรียงเริ่มต้นจากคุณหมูในวัยเด็กและในวัยเรียน จวบจนเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าไปช่วยงานกิจการของคุณพ่อ ซึ่งจวนเจียนจะล่มสลาย
เขาปรารภว่าเพื่อนนักศึกษาคนอื่น ๆ เขาเรียนกันเพื่อเอาเกรด แต่ตัวเองเรียนเพื่อนำไปใช้จริง นับตั้งแต่สมัยปริญญาตรี แผนธุรกิจที่เขียนส่งอาจารย์นั้นเกิดจากประสบการณ์ทำงานจริง และได้กลายเป็นไกด์ไลน์ในการทำงานของร้าน ส่วนโปรเจ๊กต์จบในระดับปริญญาโท “เอ็มบีเอ” ก็เป็นแผนงานธุรกิจที่เป็นจุดกำเนิด “ออฟฟิศ เมท” (OfficeMate) นั่นเอง จนทำให้ในชีวิตนี้ คุณหมูไม่เคยสมัครงานที่ใดเลย
ในหนังสือเล่มนี้ที่มีจำนวนหน้าไม่มากนัก แถมยังเขียนเรียบเรียงให้อ่านได้ง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน แถมยังให้รายละเอียดที่มาของความคิดในการทำธุรกิจประกอบไว้ด้วย เพราะเขาเห็นว่า “โนว์วาย” นั่นสำคัญยิ่งกว่า “โนว์ฮาว” จึงเอื้อเฟื้อแบ่งปันความรู้ทางธุรกิจของเขาผ่านทางตัวอักษร
“ชีวิต (ไม่) หมู: จาก SME ห้องแถวสู่ธุรกิจหมื่นล้าน” จึงเป็นหนังสือที่อ่านได้อย่างเพลิดเพลิน บางคนอาจอ่านจบได้ภายในวันเดียว หรือบางคนก็ใช้เวลาเพียงเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น เพื่อเสพ “เรื่องเล่า” ในอันมีพลังของคุณหมู เพื่อชุบชูจิตใจให้ “ฮึกเหิม” ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจยังป้อแป้ไม่รู้เป็นหรือตายในยามนี้ แถมยังอ่านซ้ำได้เรื่อย ๆ เพื่อเรียกหรือฟื้น “พลังชีวิต” ให้กับตัวเอง
คุณหมูเปิดเผยเบื้องหลังของการลงเดิมพันใน “แคตตาล็อกออฟฟิศเมท” ว่า ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะโชคช่วย หรือเหตุบังเอิญ แต่เป็นเพราะเขาเป็นคนศึกษาและแสวงหาความรู้มาตลอด ที่มาของการพลิกเกมธุรกิจครั้งนี้ก็เกิดมาตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาตรีแล้ว หลังสะดุดใจกับการทำการตลาดในแบบ “แคตตาล็อกเซลเมลออเดอร์” (Catalog Sale Mail-Oreder) ซึ่งเป็นส่วนผสมระหว่างการตลาดกับการทำโปรโมชั่นหรือประชาสัมพันธ์ ซึ่งยังไม่มีใครทำในบ้านเราเลย
เขาจึงให้ญาติพี่น้องจดรายการสินค้าทั้งหมดพร้อมทั้งจัดแยกเป็นหมวดหมู่ แม้จะไม่ได้เป็นแคตตาล็อก แต่ก็ได้ “ไพรซ์ลิสต์” ขึ้นมา แค่เพียงเท่านี้ก็ทำให้ขายดีขึ้นทันตา เพิ่มยอดขายในสองปีแรกถึง 20-30 ล้านบาท ในปีที่สามยอดพุ่งเป็น 140-150 ล้านบาท จนต้องจ้างพนักงานเพิ่ม
แคตตาล็อกของออฟฟิศเมทจึงทรงพลังอย่างยิ่ง ซัพพลายเออร์ทุกเจ้าต่างปรารถนาจะปรากฏภาพและรายละเอียดของสินค้าในแคตตาล็อกฉบับนี้ จนกระทั่งนำไปสู่การเปลี่ยนโมเดลธุรกิจ และออฟฟิศเมทได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อ 28 กรกฎาคม 2553 ด้วยทุนจดทะเบียน 80 ล้านบาท
คุณหมูเล่าว่าเขามีวันนี้ได้เพราะมีความฝัน ฝันมาตั้งแต่เรียนปริญญาตรี และฝันเช่นนั้นไม่เคยเปลี่ยน ว่าจะเป็นผู้ประกอบบริษัทเครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงานที่ดีที่สุดในประเทศไทย ไม่หลงทางไปประกอบธุรกิจอย่างอื่น เพราะเขาถือปรัชญาในการทำธุรกิจว่า “ต้องมุ่งมั่นหาความเป็นเลิศ” หรือ In Search of Excellence นั่นเอง
