เพราะไม่มีอะไร จึง “มีอะไร”

สำนักพิมพ์: ฮาวทู

เขียน: มัตสึอิ ทาดามิตสึ

แปล: ธนัญ พลแสน

“เพราะไม่มีอะไร จึง “มีอะไร”” เป็นหนังสือในหมวดบริหารธุรกิจ ว่าด้วยความสำเร็จของแบรนด์ญี่ปุ่นชื่อดังอย่าง “มูจิ” (MUJI) ในต่างแดน ซึ่งในต่างแดนที่ว่านี้ย่อมรวมถึงประเทศไทยด้วย และที่สำคัญผู้เขียนหนังสือพอกเก็ตบุ๊คความหนา 240 หน้าเล่มนี้ ยังเป็นอดีตประธานบริษัทมูจิเสียด้วย ซึ่งแน่ล่ะว่าได้ร่วมล้มลุกคลุกคลานมากับบริษัทมาอย่างน้อยก็ในช่วงเวลาหนึ่ง

สำหรับชนชั้นกลางในไทย “มูจิ” ได้กลายเป็น “สไตล์” ไปเรียบร้อยแล้ว จึงไม่อยากที่จะซื้อหาหนังสือเล่มนี้ในฉบับพิมพ์ครั้งแรกมาครอบครอง เพราะร้านหนังสือชั้นนำย่อมวางโชว์ไว้ในหมวดหนังสือบริหาร-การตลาดของตัวเองอย่างแน่นอน ด้วยความหนาเพียง 200 กว่าหน้า ในราคา 275 บาท ซึ่งไม่แพงเกินไปนัก และมีเพียง 6 บทเท่านั้น นักอ่านจึงอาจทยอยละเอียดเก็บรายละเอียดในยามว่างวันละบท เพียงสัปดาห์เดียวคุณก็อ่านจนจบได้อย่างสบาย ๆ

แล้วใครที่เหมาะจะอ่านหนังสือเล่มนี้ ก็คงหนีไม่พ้นคนที่อยากได้ไอเดียทางธุรกิจ หรือผู้ที่อยากวางวิสัยทัศน์ในผลิตภัณฑ์ของตนให้ไปไกลในระดับโลก การลงทุนเวลาอ่านหนังสือเล่มนี้ ส่วนหนึ่งจึงเป็นการเรียนลัดในทางความคิด จากบทเรียนของแบรนด์ใหญ่อย่างมูจิ เพราะอาจมีบางประเด็นหรือบางเรื่องที่คุณอาจเข้าใจผิดมาตลอดก็เป็นได้

จากการประมวลคร่าว ๆ ตลอดทั้งเล่ม แล้วตั้งคำถามว่า “มูจิ” ขายอะไรนอกจาก กลิ่นอายความเป็นดินแดนอาทิตอุทัย เราอาจตอบได้สั้น ๆ เลยว่า “ขายความลุ่มหลง” มิใช่ดีไซน์แบบญี่ปุ่นอันเรียบง่าย มิใช่ความกลมกลืนไปกับภาวะแวดล้อม หรือความเป็นมินิมอลของแบรนด์

แต่ถ้าใครหลงใหลในพิธีชงชาและวัฒนธรรมเซนแบบญี่ปุ่นแล้วละก็ เชิญเข้าร้านมูจิได้เลย

มูจิมิใช่สินค้าแต่เป็นไลฟ์สไตล์ แนวคิดเช่นดังกล่าวนี้ชัดเจนในตัวเอง พร้อมทั้งพยายามสื่อสารให้ลูกค้าทั่วโลกเข้าใจแนวคิดและรับรู้ในคุณค่าร่วมกันจึงสำคัญ

แล้วที่สำคัญไปกว่านั้น คอนเซ็ปต์สินค้าของมูจิก็คือการเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ให้กลายเป็นสินค้าในชีวิตประจำวัน แม้ว่ามูจิจะมีสินค้ามากมายหลายรายการอันมีรูปลักษณ์เรียบง่ายก็ได้ แต่มูจิจะไม่ผลิตสินค้า BU ใหม่ ๆ ขึ้นมาเพียงเพื่อเพิ่มยอดขายเท่านั้น

ข้าวของเครื่องใช้ของมูจิคือประกาศเจตจำนงว่า สินค้าของเขานั้นจะก่อให้เกิดหรือสถาปนารูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันขึ้นใหม่ บริษัทแบบมูจินั้นจำเป็นต้องเติบโตไปพร้อม ๆ กับสังคมและลักษณะเฉพาะของประเทศญี่ปุ่น

แม้ว่าในภาพรวม ผู้เขียนซึ่งเป็นอดีตผู้บริหารมูจิ จะบอกเล่าถึงการพัฒนา “ระบบ” “คอนเซ็ปต์สินค้า” “กลยุทธ์” หรือ “ทรัพยากรบุคคล” ของมูจิในตลาดต่างประเทศในหนังสื่อเล่มนี้ก็ตาม ว่าจะแทรกตัวเข้าไปในท้องถิ่นแต่ละแห่งได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่มีคู่แข่งพอฟัดพอเหวี่ยง เช่น IKEA หรือไม่ก็ “ยูนิโคล่” จากชาติเดียวกัน

แต่สิ่งที่หนังสือเน้นย้ำว่า เหตุที่มูจิประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ก็เพราะรักษาความเป็น Originality เอาไว้ได้ แต่การจะรักษาสิ่งนั้นไว้ได้ก็ต้องไม่ลืมที่จะปรับตัว หรือหล่อหลอมตัวเองให้เข้ากับตลาดท้องถิ่น (Local Market) ด้วย หรือมีความเป็น Localization

เพราะในโลกนี้ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าตลาด Global Market มัตสึอิ ทาดามิตสึ ฟันธง!

ใน “เพราะไม่มีอะไร จึง “มีอะไร”” ยังพยายามเน้นย้ำจุดสำคัญอีกประการว่า “หากแข่งขันในระดับโลกไม่ได้ ก็ยากที่จะแข่งขันในญี่ปุ่นได้” ซึ่งอ่านแล้วก็รู้สึกฮึกเหิมที่จะวางแผนแบบคิดการใหญ่ แนะนำให้เป็นหนังสือน่าอ่านอีกเล่มหนึ่งสำหรับผู้ที่แสวงหาแนวทางหรือกลยุทธ์ทางธุรกิจ.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *